ระบบบำนาญที่ไม่เท่าเทียมสำหรับผู้หญิงญี่ปุ่นที่หย่าหรือไม่ได้แต่งงาน

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความจำเป็นในการปรับปรุงและพัฒนาระบบบำนาญให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ระบบบำนาญของญี่ปุ่นที่ออกแบบมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นยังคงมีปัญหาที่สำคัญ นั่นคือการไม่รองรับผู้หญิงที่หย่าหรือไม่ได้แต่งงานอย่างเพียงพอ บทความนี้จะสำรวจปัญหานี้ในรายละเอียด รวมถึงแนวทางแก้ไขที่อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

โครงสร้างและการออกแบบของระบบบำนาญในญี่ปุ่น

ระบบบำนาญของญี่ปุ่นถูกออกแบบมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีสมมติฐานว่าผู้หญิงจะแต่งงานและออกจากงานเพื่อดูแลครอบครัว ในขณะที่ผู้ชายทำงานภายใต้ระบบการจ้างงานตลอดชีวิตที่มีสวัสดิการดี ระบบนี้ให้ประโยชน์แก่ครอบครัวที่มีคู่สมรสมากกว่า ทำให้ผู้หญิงที่หย่าหรือไม่ได้แต่งงานมีความเสี่ยงทางการเงินสูงขึ้น เนื่องจากพวกเธอไม่ได้รับประโยชน์จากบำนาญที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัวที่มีคู่สมรส (Asia Times, 2023).

ความไม่เท่าเทียมในการรับประโยชน์

ผู้หญิงมักมีรายได้ต่ำกว่าผู้ชายและมีโอกาสในการทำงานน้อยกว่า โดยเฉพาะหลังจากการหย่าหรือหากไม่ได้แต่งงาน ทำให้มีเงินออมน้อยกว่าและมีการสะสมบำนาญน้อยกว่า ระบบบำนาญแบบ pay-as-you-go ที่พึ่งพาการจ่ายภาษีจากผู้ทำงานปัจจุบันเพื่อจ่ายบำนาญให้กับผู้เกษียณ ทำให้ผู้หญิงที่มีรายได้ต่ำจ่ายภาษีน้อยและได้รับบำนาญน้อย (The Diplomat, 2024).

ความเสี่ยงต่อความยากจนในวัยเกษียณ

การสำรวจพบว่าผู้หญิงสูงอายุที่หย่าหรือไม่ได้แต่งงานมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับความยากจนในวัยเกษียณสูงกว่าผู้ชาย โดยมีอัตราความยากจนที่สูงขึ้นถึง 50% สำหรับผู้หญิงที่หย่าและไม่ได้แต่งงาน ในขณะที่ผู้ชายมีอัตราความยากจนประมาณ 10% (U.S. Chamber of Commerce, 2024). การที่ผู้หญิงมีโอกาสน้อยในการสร้างรายได้และการสะสมทรัพย์สินเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายทำให้พวกเธอต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเงินมากขึ้นในวัยเกษียณ

การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและผลกระทบ

การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างครอบครัวและการมีผู้หญิงทำงานมากขึ้น แต่ระบบบำนาญยังไม่ได้ปรับตัวตาม ทำให้ผู้หญิงที่เป็นโสดหรือหย่าต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินมากขึ้นในวัยเกษียณ การมีลูกน้อยลงและการใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้นส่งผลให้ผู้หญิงสูงอายุมักจะขาดการสนับสนุนจากครอบครัวและต้องพึ่งพาบำนาญที่ไม่เพียงพอ (The Japan News, 2023).

แนวทางแก้ไขปัญหา

  • การขยายการเข้าถึงโปรแกรมการออมและประกันสุขภาพ:
    รัฐบาลญี่ปุ่นควรขยายการเข้าถึงโปรแกรมการออมและประกันสุขภาพให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงกฎระเบียบที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถออมเงินได้มากขึ้นและได้รับประโยชน์จากการประกันสุขภาพที่เพียงพอ (Financial Services Agency, 2024).
  • การเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน:
    หน่วยงานด้านการเงินของญี่ปุ่นควรเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศและสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนและสร้างความมั่นคงให้กับระบบบำนาญ (U.S. Chamber of Commerce, 2024).
  • การให้ความรู้และการสนับสนุนทางการเงิน:
    การให้ความรู้แก่ผู้หญิงเกี่ยวกับการออมเงินและการวางแผนการเงินในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดทำโปรแกรมการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยให้ผู้หญิงสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Asia Times, 2023).
  • การปรับปรุงระบบบำนาญให้มีความยืดหยุ่น:
    ระบบบำนาญควรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการให้ประโยชน์แก่ผู้ที่ไม่ได้แต่งงานหรือหย่า รวมถึงการปรับปรุงกฎระเบียบที่ช่วยให้ผู้หญิงสามารถสะสมบำนาญได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงต่อความยากจนในวัยเกษียณ (The Diplomat, 2024).

บทสรุป

การปรับปรุงระบบบำนาญให้รองรับผู้หญิงที่หย่าหรือไม่ได้แต่งงานเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวสำหรับผู้หญิงในญี่ปุ่น การขยายการเข้าถึงโปรแกรมการออมและประกันสุขภาพ การเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน การให้ความรู้และการสนับสนุนทางการเงิน และการปรับปรุงระบบบำนาญให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเป็นแนวทางที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ การทำให้ระบบบำนาญมีความยุติธรรมและครอบคลุมมากขึ้นจะช่วยให้ผู้หญิงญี่ปุ่นสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวัยเกษียณ

แหล่งที่มา:

Asia Times. (2023). Elderly Japan on brink of a demographic crisis. Retrieved from Asia Times.
The Diplomat. (2024). Surviving Old Age: Japan’s Pension and Healthcare Systems Under Strain. Retrieved from The Diplomat.
U.S. Chamber of Commerce. (2024). Bridging Japan’s Pension Savings and Returns Gap: A Focus on Younger Generations. Retrieved from U.S. Chamber of Commerce.
The Japan News. (2023). Japan to Raise Elderly Care Fees by 1.59% in FY 2024. Retrieved from The Japan News.
Financial Services Agency. (2024). Press Releases: Financial Services Agency. Retrieved from FSA Japan.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *